จัดฟันในเด็ก อย่างไร เริ่มจัดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

[siritidaphon]

ปัญหาฟันในเด็ก เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผู้ปกครองหลายคนเป็นกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันสบเปิด ฟันสบลึก ฟันล่างคร่อมฟันบน ฟันยื่น/ฟันเหยิน ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จาก พันธุกรรมหรือพฤติกรรมต่างๆและการเกิดอุบัติเหตุ

ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ คุณพ่อคุณแม่หรือผู้แกครอง ควรพาลูกไปหาหมอฟันเด็กหรือหมอจัดฟัน เพื่อตรวจและประเมินฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะปัญหาบางอย่างหากได้รับการแก้ไขตั้งแต่วัยเด็ก จะได้ผลการรักษาที่ดีกว่าการรอจนเข้าสู่วัยรุ่นแล้วค่อยรักษา ในขณะเดียวกันบางปัญหาที่พบในวัยเด็กก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองเมื่อเด็กเจริญเติบโตขึ้น


ปัญหาและพฤติกรรมที่ทำให้เกิดปัญหาฟันต่างๆ

    การดูดนิ้ว ในช่วงแรกอาจจะไม่ส่งผลอะไร แต่หากติดนิสัยดูดนิ้วจนอายุ 4-5 ปี จะส่งผล

ต่อการเรียงตัวของฟัน รวมถึงโครงสร้างของกระดูกขากรรไกร

    การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนเวลา เนื่องจาก ฟันผุหรือสาเหตุอื่น ทำให้ฟันข้างเคียง ขยับหรือล้มเข้าช่องว่าง

ทำให้ไม่มีช่องว่างสำหรับฟันแท้ ที่จะขึ้นตามมา ทำให้เกิดฟันซ้อนเกในอนาคต

    การหายใจทางปากในเด็ก อาจส่งผลต่อการเติบโตของขากรรไกร และเป็นสาเหตุของฟันซ้อนเก
    ผู้ปกครองสามารถสังเกตได้จาก ฟันยื่นออกมามาก อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
    คางถอย มีภาวะนอนกรอน อ้าปากถอนใจ หายทางปาก นอนไม่สนิม
    กินอาหารได้ลำบอก เคี้ยวยาก หรือไม่มั่นใจสามารถปรึกษาทันตแพทย์ได้


เครื่องมือจัดฟันเด็ก

Invisalign First


จัดฟันแบบใส Invisalign First ในเด็ก

จัดฟันแบบใส Invisalign First หรือการจัดฟันใสเด็ก จะเริ่มตั้งแต่เด็กในช่วงอายุ 6 ขวบที่ฟันแท้คู่แรกเริ่มขึ้นจนถึงอายุ 19 ปี ต่างจากการจัดฟันใสทั่วไป

ที่ทำในผู้ใหญ่ ซึ่งข้อได้เปรียบของการจัดฟันแบบใสในเด็กที่กำลังมีการเจริญเติบโตนั้น ทำให้สามารถขยับฟันได้มากกว่า ปรับโครงหน้าได้ดีกว่า

และมีข้อจำกัดน้อยกว่า ทำให้มีผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบ


เครื่องมือจัดฟันแบบใสสำหรับเด็ก

เครื่องมือ Invisalign First สำหรับเด็ก จะมีลักษณะเป็นปีกเล็ก ๆ ยื่นออกมา (Precision wings) เพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตที่ข้อต่อขากรรไกร

ทำให้ขากรรไกรล่างขยับออกมาด้านหน้าพอดีกับขากรรไกรด้านบน ทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำให้ เพราะการจัดฟันแบบใส Invisalign

สำหรับเด็กและวัยรุ่น จะถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคล


เครื่องมือขยายขากรรไกร Bionator

เป็นอุปกรณ์จัดฟันในเด็กอีก 1 ตัว ที่จะช่วยแก้ปัญหาในเคส /คางสั้น/นอนกรน/อ้าปากหายใจ/ฟันยื่น ช่วยในการหายใจทางปากได้ดีขึ้น

อุปกรณ์ชนิดนี้จะใช้งานได้ดี ในช่วงอายุตั้งแต่ 8 ขวบขึ้นไป ไปจนถึงอายุ 12-13 ขวบค่ะ


การเตรียมตัวของเด็กและผู้ปกครองก่อนเข้าการรักษา

ผู้ปกครองควร สร้างทัศนคติที่ดีของการทำฟันให้กับเด็ก ว่าการจัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่คือการรักษาความผิดปกติของร่างกาย

และการเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจให้กับตัวของเด็กเองเพื่อรับรู้ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการรักษา



หลังเด็กจัดฟันแล้ว ควรดูแลตัวเองยังไง

    หากจัดฟันแบบติดแน่น ควรเลือกใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ
    หากจัดฟันแบบติดแน่น ควรเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเหนียว และแข็ง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเครื่องมือจัดฟันได้
    แปรงฟันอย่างถูกวิธี และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
    ควรใช้แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟันเป็นประจำ
    พบทันตแพทย์ทุกครั้งที่มีการนัดหมาย
    ตรวจสุขภาพช่องปาก และฟัน ทุก ๆ 6 เดือน



วิธีป้องกันฟันผุ

แปรงฟันอย่างถูกวิธี วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการดูแลสุขภาพช่องปาก และฟัน เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาของฟันผุ หรือโรคต่าง ๆ ด้วยวิธีการแปรงฟันให้ถูกวิธี และแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร

โดยวางแปรงที่บริเวณคอฟัน และเหงือก ทำมุม 45 องศากับขอบเหงือก เพื่อแปรงให้ถึงร่องเหงือกและซอกฟัน ซึ่งเป็นจุดสะสมของคราบพลัคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหินปูน และเริ่มแปรงจากด้านนอกของฟันบนก่อนแล้วขยับแปรงวนเป็นวงกลม ค่อย ๆ ขยับแปรงไล่ไปด้านในของฟันบน แล้วจึงตามด้วยฟันล่างทั้งด้านนอก และด้านใน


สรุป

หากเด็กมีปัญหาเรื่องฟัน มีลักษณะฟันที่มีความผิดปกติมาก และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันก็อาจจะต้องจัดฟันเด็กเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และก่อนจะตัดสินใจจัดฟัน ควรค้นหาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะถ้าหากเราพลาดไปแล้วการที่จะกลับมาเหมือนเดิมค่อนข้างยาก อาจเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสม เสียเวลาที่ต้องไปพบทันตแพทย์อีกด้วย

    *สิ่งสำคัญในการเลือกจัดฟัน ควรเลือกจัดฟันกับทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาด้านจัดฟันเท่านั้น เพื่อผลลัพธ์การรักษาออกมาดีที่สุด


จัดฟันในเด็ก อย่างไร เริ่มจัดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/